Gemini Man อลังการเทคโนโลยี ที่ฉาบด้วยความโบราณของการดำเนินเรื่อง ดูเหมือนว่าผู้กำกับชาวเอเชียอย่าง อัง ลี่ ดีกรีออสการ์ หลังๆ มาเหมือนจะหลงระเริงไปกับเทคโนโลยี่การถ่ายทำแบบ High Frame Rate แบบ 120 Fps (120 เฟรมต่อวินาที) ซึ่งในขณะที่หนังทั่วไปจะมีเพียง 24 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น โดยเรื่องแรกที่ผู้กำกับคนนี้ได้มีการถ่ายทำ นั้นก็คือเรื่อง Billy Lynn’s Long Halftime Walk 2016 ซึ่งด้วยความที่แกสนใจแต่เทคนิคการนำเสนอมากกว่าตัวบท ทำให้โดนนักวิจารณ์สวดยับเหมือนกัน จนมาถึงเรื่องนี้
Gemini Man เรื่องราวว่าด้วยเฮนรี่ โบรแกน มือปืนขั้นเทพได้ถูกตามล่าโดยมือสังหารที่หน้าตาเหมือนเขา และเขาต้องสืบหาให้ได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื่องหลัง เอาเป็นว่าเล่าแค่นี้ก็รู้พล๊อตแทบจะทั้งเรื่องแล้ว จะมีเซอไพร์ (หรือเปล่า) แต่ส่วนตัวผมเอง ในด้านเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างธรรมดามาก มีดีที่ฉากแอคชั่นจริงๆ ซึ่งฉากแอคชั่นนั้นสไตล์ก็ออกมาแนวๆ หนังฮ่องกง ค่อนข้างไม่หวือหวาและน่าสนใจเท่าไหร่
เรียกได้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้สำหรับผมแล้วนั้นคือเทคนิคการถ่ายทำ HFR 3D จริง (ที่ตอนนี้ใช่ชื่อเป็นทางการว่า 3D+ with HFR) ภาพที่เห็นคือสมูทมากยิ่งเวลาฉากไล่ล่าภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ การถ่ายทำในระบบนี้ทำให้ความเบลอของภาพลดลงจนเห็นได้ชัด (เหมือนเวลาไปเดินดูคลิปที่เปิดโชว์ในโซนขายทีวีแบบนั้นเลย) ถ้าในตัวหนังผมให้ 5/10 แต่ถ้าให้คะแนนเทคนิคภาพ ผมให้ 9/10 ไปเลยสำหรับเรื่องนี้
หนังที่ขายการแสดงของ Will Smith และในไทยยังมีการฉายในระบบ 3D+ โดยฉายแบบเฟรมเรต 60 เฟรมต่อวินาที (จริงๆ ตัวหนังได้ถึง 120 แต่ประเทศไทยไม่มีโรงที่ฉายได้ขนาดนั้น) ซึ่งภาพสวยมาก สะกดสายตาตั้งแต่แรกจนจบเรื่องเลย ดูจบทำให้อยากจะซื้อทีวี 4K มาไว้ที่บ้าน ภาพชัดม๊ากกกก
สำหรับเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่อง ต้องบอกว่าพลอตเดิมๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกกว่าเรื่องอื่นๆ จะมีดีก็ตรงฉากแอ็คชั่นที่ทำได้ดีมากๆ (โดยเฉพาะฉากไล่ล่าบนมอเตอร์ไซค์ ตื่นเต้นมากในฉากนั้น) สู้กันสนุก แถมฉายในระบบเฟรมเรตสูงทำให้การเคลื่อนไหวดูลื่นไหล และฉากสุดท้ายภาพสวยมากกกกกก!!! ย้ำว่าสวยมาก ไม่สามารถกระพริบตาในฉากนั้นได้เลย
การแสดงของ Will Smith ยังดีเหมือนเดิม ไม่ว่าเล่นบทไหนพี่แกก็สามารถแบกหนังเรื่องนั้นไว้ได้ ยอมรับว่าพี่แกเทพมากจริงๆ ในเรื่องนี่ Will Smith จะเล่นเป็นสองคน อีกคนนึงจะอยู่ในวัยรุ่ยโดยใช้ CG เข้าช่วย ต้องบอกว่าเนียนมาก ขนาดพยายามเพ่งก็แทบมองไม่ออก (แต่ฉากสุดท้ายดันหน้าลอยเฉย หรือตั้งใจก็ไม่รู้)
ขอพูดถึงในระบบ 3D+ ที่ฉายแบบเฟรมเรต 60 เฟรมต่อวินาที แค่เปิดเรื่องมา ภาพพุ่งเข้าหน้าจังๆ แถมภาพสวยมาก ลื่นไหลกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ใครจะดูหนังเรื่องนี้แนะนำให้ดูในระบบนี้เท่านั้นรับรองคุ้มค่าแน่นอนครับ แต่อาจมีเรื่องขัดใจ เนื่องจากตัวภาพจะไม่ใช่ Wide screen (พูดให้ง่ายคือภาพแคบกว่าภาพโฆษณาในโรงเยอะ) ตอนแรกผมก็ตกใจแต่ก็มีเรื่องเฟรมเรตสูงมาช่วยให้หนังดูโอเคมากๆ
ถ้าใครดูคำวิจารณ์ อาจจะดูเละๆ แต่สำหรับผมมันพอได้ดู หนังก้ไม่ได้แย่มาก มีหลายฉากที่สนุก ถึงแม้ว่าบางฉากมันน่าเบื่อจริง พลอตกลวงนิดๆ แต่ก็ได้ Will Smith มาช่วยแบกไว้ทั้งเรื่อง ยังไงถ้าดู 3D+ ก็คุ้มแน่นอนครับ