รีวิวซีรีส์ Go Ahead ถักทอรักที่ปลายฝัน สานรักต่อท้าย ซีรีส์ในฝันจากจีนแผ่นดินใหญ่ The bile กล่าวคำว่าครอบครัวเต็มไปด้วยอารมณ์แม้ว่าครอบครัวนั้นจะเป็นครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็ตามการถักทอรักที่ปลายฝันเป็นซีรีส์ที่บอกเล่าถึงผู้คน ถ้าครอบครัวของคุณไม่เป็นแบบนี้พ่อทั้งสองก็ร้องไห้เหมือนกัน สรุป เรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องสองคนที่เติบโตมาภายใต้การดูแลของพ่อเลี้ยงเดี่ยว ให้ความรักและความเอาใจใส่แก่ลูก ๆ ทั้งสามคนนี้ก็เหมือนกับลูกแท้ๆของตัวเองแม้ว่าคนรอบข้างจะคิดว่าพวกเขามีบรรพบุรุษที่แตกต่างกันก็ตาม
อย่างไรก็ตามวันหนึ่งมันต้องเป็นคนอื่น แต่ในมุมมองของบ้านหลังนี้คำพูดของคนอื่นไม่มีผลกับพวกเขา เพราะความรักของพ่อและพี่น้องคือความรักที่แท้จริงของครอบครัว
ล่าสุดมีกระทู้เกี่ยวกับละครจีนบนโซเชียลมีเดียมากมาย เรียกว่าเป็นซีรีส์น้ำดีของปีนี้เลยมีดีให้เราได้ลอง! The End of Dream นำแสดงโดย Song Weilong, Tan Xingyun, Zhang Xincheng, Tu Songyan และ Zhang Xilin “Let’s Go” สานรักเป็นซีรีส์ความสัมพันธ์ในครอบครัว
คนที่ไม่ชอบซีรีส์เรื่องนี้อาจข้ามเรื่องไปเลย แต่อะไรที่ทำให้ Go Ahead สานรักในตอนท้ายของความฝัน? เป็นที่รักและตอนนี้จะบอกว่าต้องยกให้เรื่องนี้มากมายความกลมกลืนและความละเอียดอ่อนของคำบรรยายชีวิตของผู้คนตั้งแต่แรกเริ่มนี่คือหัวใจของเรา เรื่องราว
เรื่องราวของพี่น้องต่างตระกูลที่เติบโตมาในครอบครัวเดียวกันจากความผูกพันที่แตกต่างกันเพียงสองปีหลังจากการตายของแม่ Tan Xiongyun (谭松韵) อาศัยอยู่กับพ่อของเขา Li Haichao (Tu Haiyan Tu 涂延岩) ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ เปิดให้บริการในชุมชนวันหนึ่งครอบครัวของ Ling Xiao (Song Weilong และ Song Weilong) ย้ายไปอยู่กับเพื่อนบ้านใหม่ที่ชั้นบน ครอบครัวของ Ling Xiao นั้นแตกต่างจากครอบครัวของเธอโดยสิ้นเชิงพ่อของ Ling Xiao ชื่อ Zhang Xi Lin เป็นตำรวจ เขามักจะทะเลาะกับแม่ซึ่งมักจะได้ยินบ่อยๆ
ดังนั้นครอบครัวของ Li Jianjian จึงได้รับการดูแลของ Ling Xiao จากการดูแลเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไปสู่การดูแลมันตลอดไปเพราะในที่สุดพ่อแม่ของหลิงเฉียวก็หย่าร้างกัน
ขณะเดียวกันหลี่ไห่เฉาพ่อของหลี่เจียนเจียน ก็ได้รับเอา เหอจื่อชิว (จางซินเฉิง 张新成) ลูกชายของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทิ้งลูกไว้ด้วยปัญหาทางครอบครัวมาอุปการะเป็นลูกชายอีกคน จากครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีกันเพียงสองคนพ่อลูก
ลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีกันห้าคน พ่อลูก เด็กสามคนที่ไม่มีความสัมพนธ์ทางสายเลือด ได้เติบโตมาด้วยกันจากความรักของพ่อสองคน จนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่มีความรักเป็นเครื่องเยียวยา ให้ผ่านอุปสรรคของชีวิตที่เป็นเสมือนบททดสอบให้พวกเขา
เนื้อหาของหนังใหม่เต็มเรื่องเน้นหนักไปที่ความรักความสัมพันธ์ของคน 5 คน เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของเรื่องที่จะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้เลย เพราะพวกเขาต่างมีกันและกัน เป็นตัวละครเอกที่ต่างมีชีวิตโดดเด้งออกมานอกจอจนสัมผัสได้ ปลื้มปริ่มกับความอบอุ่นที่ฉาบชัดอยู่ทั่วทุกอนูของซีรีส์ ทั้ง ๆ ที่ปมลึกปมหลังของตัวละครแต่ละตัวมันช่างแหว่งวิ่นและซ่อนความเจ็บปวด
เริ่มจาก หลี่ไห่เฉา พ่อของนางเอกก่อนเลย ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่อุณหภูมิอุ่นที่สุดในเรื่องแล้วก็ว่าได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ประสบปัญหาที่เจ็บปวดใจ แต่กลับเป็นพ่อที่เข้มแข็ง ใจดี เข้าใจโลก เลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจธรรมชาติของเด็ก จนนางเอกเติบโตมาเป็นคนที่สดใสและไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดแม่ ขอพ่อแบบนี้แค่คนเดียวชีวิตก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว เอาจริง ๆ
นอกจากความเป็นพ่อที่ต้องเรียกว่ายอดคุณพ่อแล้ว หลี่ไห่เฉายังเป็นเพื่อนที่ดีชนิดที่มีเพื่อนแบบนี้แค่คนเดียวก็คุ้มเกินจะพอ หลี่ไห่เฉาเป็นเพื่อนที่ดีขนาดไหน ขนาดที่หยิบยื่นมิตรภาพให้กับ หลิงเหอผิง อย่างไม่มีคำว่าลังเล หลิงเหอผิงมีอาชีพเป็นตำรวจ
หลังจากหย่าร้างกับภรรยาและเธอก็ทิ้งลูกไว้ ทำให้เวลาในการดูแลลูกชายคนเดียวแทบไม่มี เพื่อนที่ดีอย่างหลี่ไห่เฉาจึงรับอาสาดูแลลูกให้ด้วยความเต็มใจ กลายเป็นความสัมพันธ์ของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวสองคนที่เห็นแล้วก็ชื่นใจแทน อบอุ่นแบบแมน ๆ เป็นเพื่อนแท้ที่ใครได้สองคนนี้ไปคือกำไรชีวิตที่สุดแล้ว
แล้วสิ่งที่หลี่ไห่เฉาทำมากขึ้นไปกว่าการดูแลเพื่อนและลูกของเพื่อนก็คือ รับลูกของเหอเหมยผู้หญิงที่เกือบจะได้มาเป็นแม่ใหม่ของหลี่เจียนเจียนมาเป็นลูกบุญธรรม แถมยังมอบความรักให้อย่างไม่ลำเอียง เลี้ยงดูอย่างกับเป็นลูกตัวเอง
สองพ่อร่วมแรงแข็งขันดูแลเด็กสามคนไปด้วยกัน มอบความรักให้อย่างเต็มที่เป็นทั้งพ่อและแม่อย่างดีที่สุดเท่าที่มนุษย์ผู้ชายจะทำได้ บทละครเรื่องนี้เป็นบทคุณภาพที่ประทับใจจริง ๆ
การเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่องจะพาคนดูไปเห็นการเติบโตของครอบครัวนี้ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงตอนโต เหมือนเป็นการก้าวเดินไปพร้อมกับตัวละคร ให้ได้เห็นการเติบโตของสามพี่น้อง ที่มีเรื่องราวผ่านเข้ามาให้ได้ลองใช้ชีวิต กับความสัมพันธ์พี่น้องที่เหนียวแน่น กินนอนเตียงเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน แบ่งทุกข์ปันสุขกันตลอดเวลา
เสมือนจะไม่มีอะไรมาพรากความรักที่เหนียวแน่นของทั้งสามพี่น้องไปได้เลย แต่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง เวลาเป็นสิ่งที่เอาคืนมาไม่ได้ ความห่างไกลก็ทำให้บางสิ่งจางหายได้เช่นกัน แต่สิ่งเหล่านั้นที่เหล่าเด็กๆ เผชิญจะอยู่ในสายตาที่แสนห่วงใย
และอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของสองพ่อ พ่อหลี่ พ่อของเจียนเจียน ที่เปรียบเสมือนแม่ที่ทำกับข้าวอร่อยๆ รอทุกคนกลับบ้าน และ พ่อหลิง พ่อของหลิงเซียว ที่เปรียบเสมือนพ่อ ผู้เข้มแข็งและดูแลครอบครัว) ที่มักจะอยู่ข้างๆ คอยช่วยปลอบโยนด้วยคำพูดดีๆ เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยให้เด็กๆ
โดยที่ไม่เคยบังคับหรือชี้นำให้เด็กๆ ตัดสินใจเอง พวกเขาทั้งสองจะเป็นร่มไม้ต้นใหญ่ให้ที่พักพิงแก่เด็กๆ จนคนดูอย่างเราๆ ก็เหมือนได้พลังฮีลลิ่งจากความรักของสองพ่อมาด้วย แม้จะไม่มีแม่ แต่สองพ่อทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ได้ดีแบบไม่ขาดตกบกพร่อง จนทั้งสามพี่น้องโตมาอย่างดี
ด้านคุณภาพ
ใครจะบอกว่าอวยก็ยอมรับเลยละว่าอวยจริงจัง อยากให้ดูกันจริง ๆ เพราะนอกจากบทดี ๆ ที่ควรค่าแก่การนั่งดูแล้ว ฝีมือของนักแสดงแต่ละท่านช่างเหมาะสม แต่ละคนทำหน้าที่กับบทบาทที่ได้รับอย่างสมบูรณ์ มันเป็นธรรมชาติเอามาก ๆ ซีนอบอุ่น ซีนเรียกน้ำตา
หรือแม้แต่ซีนฮา ๆ ประสาครอบครัวมีความสมจริงจนเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเขาคือตัวละครตัวนั้น นี่คือชีวิตของครอบครัวนี้และมีอยู่บนโลกแน่ ๆ อันนี้ต้องชมผู้กำกับเรื่องนี้ด้วยนะที่เคี่ยวนักแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติรื่นตาขนาดนี้
เราสามารถยิ้ม หัวเราะ ให้กับความสุขล้น ๆ ในครับครัวได้อย่างกลมกลื่น หรือแม้แต่น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างตื้นตันในความรักความอาทรที่คนในครอบครัวมีให้แก่กัน สองพ่อในเรื่องเปรียบเสมือนตัวแทนของพ่อสองแบบจากหลาย ๆ แบบที่มีอยู่บนโลกนี้
ลูก ๆ ในเรื่องเปรียบเสมือนลูก ๆ ในชีวิตจริงที่ต่างถือกำเนิดมาด้วยต้นทุนในชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สามารถเติบโตมาได้ด้วยการฟูมฟักจากผู้ชายสองคนจนน่าปลื้ม
ข้อคิดดี ๆ
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่มุมสุขใจเพียงอย่างเดียว แต่มันคือซีรีส์ชีวิตที่มีครบทุกรสเท่าที่ชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีได้ หรือครอบครัวหนึ่งจะเผชิญได้ ปัญหาจากครอบครัวเก่าที่ตามมารังควาน
ปัญหาภายในครับครัวที่ต้องแก้กันไปทีละอย่าง ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องยอมรับเมื่อเด็ก ๆ เริ่มโตขึ้น มีหลายประโยคที่พ่อหลี่ให้ข้อคิดกับลูก ๆ และสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตของเราได้
หรือคำเตือนที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยในยามที่เด็ก ๆ คิดจะจัดการปับปัญหาที่เผชิญด้วยตัวเองว่า “ลูกโตแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่มีปัญหาอะไรขึ้นมาให้บอกพ่อ ให้พ่อรู้ด้วยคนจะได้ไหม” ไม่มีการบังคับใดใดในประโยคคำพูดนี้เลยนะ มีแต่ความปราถนาดี การให้เกียรติ ความห่วงใยและความรักอย่างเต็มล้น ที่เราสัมผัสได้ เข้าใจได้ในบริบทของความเป็นครอบครัว
ซีรีส์ของครอบครัว?
เราจะเรียกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวตัวอย่างจะได้ไหม? ตอบว่าได้ โดยเฉพาะเป็นตัวอย่างที่ดีกับครอบครัวที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์ ทุกครอบครัวมีปัญหาทั้งนั้นละ ปัญหาเล็กใหญ่มากน้อยต่างกันไปตามบริบทของชีวิต
แต่เราจะรับมือและจัดการอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น การเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การยอมรับในช่วงวัยที่เด็กก็มีสิทธิ์ในชีวิตของตัวเอง พ่อหลี่ก็ทำให้เราเห็นได้ว่า พ่อที่รักและเข้าใจลูกที่สุดก็เป็นอย่างพ่อหลี่และพ่อหลิงนี่เอง
มีใจความตอนหนึ่งที่พ่อหลี่พูดกับเหอจื่อชิว เพื่ออธิบายความรู้สึกให้เหอจื่อชิวรับรู้และเลิกคิดมากว่า การที่เขารับจื่อชิวมาเป็นลูกไม่ใช่บุญคุณ แต่เป็นความรักที่แท้จริงแถมยังเป็นความโชคดีซะด้วยซ้ำที่ได้เด็กแบบนี้มาเป็นลูกชาย
ด้วยการยกเอาคำพูดในเกร็ดของนิทานจีนที่มีอยู่ในคัมภีร์ ฮวนอันซือ ซึ่งเป็นวรรณกรรมยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของจีนสมัยโบราณที่ชาวจีนรู้จักกันดี จนทำให้จื่อชิวเข้าใจได้ในทันทีว่า เขาไม่ใช่ภาระแต่เป็นโชคอันหอมหวานของหลี่ไห่เฉาผู้เป็นพ่อ
ด้านโปดักชัน
เรื่องนี้เนื้อหาเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่โทรศัพท์บ้านยังดังอยู่ ถ้านับปีจากอายุนางเอกที่ปัจจุบันในปี 2019 นางเอกอายุ 25 ปี ซีรีส์เว็บหนัง HD เล่าเรื่องเริ่มตั้งแต่นางเอกอายุ 6 ขวบ ก็ถอยหลังไป 19 ปี บรรยากาศในซีรีส์ก็จะอยู่ในช่วงของปี 2000 (พ.ศ.2543)
ก็จะมีเรื่องราวของสังคมชาวจีนสมัยนั้น มีบรรยากาศชนบทซึ่งเป็นบ้านของจื่อชิว เห็นวิถีชีวิตที่กว่าจะเติบโต วัฒนธรรมเพื่อนบ้านในเมืองที่ต่างคนต่างสนใจ ห่วงใยชีวิตของกันและกัน ขนาดที่ป้าข้างบ้านของบ้านเรายังต้องชิดซ้าย
เขาแยกโทนสีของแต่ละสมัยได้อย่างแตกต่างแต่ยังมีความกลมกลืน นำความรู้สึกให้เราติดตามชีวิตไปได้เรื่อย ๆ เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงสมัย วัยเด็กเป็นบรรยากาศที่แช่มชื่น พอเติบโตขั้นก็เริ่มมีสีสันที่มากขึ้นไปตามวันเวลา เป็นโทนสีที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ซีรีส์มากขึ้นไปอีก